วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2562

9.การใส่สัญลักษณ์แสดงหัวข้อ

การใส่สัญลักษณ์แสดงหัวข้อ
การใส่หัวข้อเป็นสัญลักษณ์แสดงหัวข้อทำได้ 2 ลักษณะ คือ
    1.) การกำหนดหัวข้อรายงานโดยใช้สัญลักษณ์หรือรูปภาพ การใส่ลักษณะหรือหัวข้อนั้น ช่วยแยกรายการหรือแสดงหัวข้อได้ชัดเจนสามารถทำได้ดังนี้
            1.1) คลุมข้อความที่ต้องการสร้างหัวข้อรายงาน
            1.2) ที่ Tab Home คลิกเลือกที่ 
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แทบโฮม word 2013
            1.3) เลือก Define New Bullet
            1.4) จะปรากฏกล่อง Define New Bullet มีให้เลือกดังนี้
                    > เลือก Symbol เพื่อกำหนดหัวข้อแบบสัญลักษณ์
                    > เลือก Font เพื่อกำหนดลักษณะแบบอักษร
                    > เลือก Picture เพื่อกำหนดหัวข้อแบบรูปภาพ
                    > Alignment เป็นการกำหนดตำแหน่ง (ซ้ายขวากึ่งกลาง)
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การใส่สัญลักษณ์แสดงหัวข้อ word2013

8.การกำหนดระยะบรรทัด

การกำหนดระยะบรรทัด

    การกำหนดระยะบรรทัดให้มีความห่างหรือชิดกันเพื่อให้มีระยะบรรทัดที่เหมาะสมกับขนาดของเอกสารที่ได้
ออกแบบไว้ มีขั้นตอนการทำโดยการคลุมข้อความที่ต้องการ กำหนดระยะบรรทัดและทำการคลิกเลือกปุ่มคำ
สั่งและเลือกระยะห่างของบรรทัดดังนี้
    > ตัวอย่าง ระยะห่าง 1.0 
            ปรับขนาดเป็นระยะห่าง 1.15 โดยคลิกที่  และเลือกระยะห่างของบรรทัด
  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การกำหนดระยะบรรทัด word 2013

7.การจัดตำแหน่งกลุ่มข้อความ

การจัดตำแหน่งกลุ่มข้อความ
การจัดตำแหน่งข้อความให้อยู่ตามตำแหน่งตามรูปแบบเอกสารที่ต้องการมีขั้นตอนการทำโดยการคลุมข้อความที่ต้องการจัดตำแหน่งและทำการคลิกเลือกปุ่มคำสั่งดังนี้
        1.) การจัดข้อความชิดด้านซ้ายคลิกเลือกที่ปุ่มคำสั่ง
        2.) การจัดข้อความชิดด้านขวา
        3.) การจัดข้อความอยู่กึ่งกลางเอกสาร
        4.) การจัดข้อความให้กระจาย
        5.) การจัดข้อความกระจายแบบภาษาไทย

6.การจัดรูปแบบย่อหน้าปและการกั้นระยะ

การจัดรูปแบบย่อหน้าปและการกั้นระยะ
    การกำหนดรูปแบบย่อหน้าและกำหนดระยะห่างของย่อหน้าจากระยะขอบซ้ายหรือระยะขอบขวาสามารถเพิ่มหรือลดการเยื้องของย่อหน้าหรือกลุ่มย่อหน้าภายในระยะขอบกระดาษนอกจากนี้ยังสามารถสร้างการเยื้องออก ซึ่งจะดึงย่อหน้าออกไปหาระยะขอบซ้าย ซึ่งบรรทัดแรกของย่อหน้าจะไม่เยื้อง แต่บรรทัดต่อๆไปจะเยื้อง
การจัดรูปแบบย่อหน้าทำได้ 2 วิธี
    วิธีที่1 จัดรูปแบบโดยกำหนดจากเส้นไม้บรรทัด (Ruler) ปรับตั้งระยะกั้นหน้าย่อหน้าและกั้นหลังได้ดังนี้
    1.) เลือกช่วงข้อมูลที่ต้องการจัดรูปแบบ
    2.) นำเมาส์ไปชี้สัญลักษณ์บนไม้บรรทัดแล้ว Drag ไปวางตำแหน่งที่ต้องการ
    First Line Indent    หมายถึง ตำแหน่งย่อหน้าของบรรทัดแรก
    Left Indent             หมายถึง ตำแหน่งย่อหน้าของบรรทัดอื่นที่ไม่ใช่บรรทัดแรก
    Right Indent           หมายถึง ตำแหน่งย่อหน้าจากขอบด้านขวาของข้อความ
    Left Margin            หมายถึง ระยะขอบกระดาษด้ายซ้าย
    Right Margin          หมายถึง ระยะขอบกระดาษด้านขวา
    วิธีที่2 การจัดรูปแบบ Paragraph โดยใช้เมนูคำสั่ง
    1.) เลือกช่วงข้อมูลที่ต้องการจัดรูปแบบ
    2.) คลิก Tab Page Layout กำหนดรายละเอียดใน Tab Paragraph
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การจัดรูปแบบย่อหน้าปและการกั้นระยะ  Microsoft office Word 2013

5.การปรับคุณลักษณะของข้อความ

การปรับคุณลักษณะของข้อความ
                การปรับปรุงคุณลักษณะของข้อความเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับข้อความด้วยการปรับเปลี่ยนคุณลักษณะดังต่อไปนี้
    1.) Drag เมาส์คลุมข้อความที่ต้องการการตกแต่งจะปรากฏ มินิทูลบาร์(Mini Toolbar)ขึ้นโดยอัตโนมัติให้          เลือกใช้ตามต้องการเครื่องมือ Mini toolbar เป็นแถบเล็กๆ ที่เก็บคำสั่งใช้งานบ่อยๆ จะแสดงหรือผู้ใช้            เลือกข้อความที่ต้องการแต่คำสั่งจะแสดงแบบจางๆ เมื่อคลิกเข้าไปใกล้คำสั่งจะแสดงชัดขึ้นสามารถ            ใช้คำสั่งได้ทันที
    2.) คลิกปุ่มเครื่องมือบนทูลบาร์ ที่ปรากฏหรือใน Tab Home ที่ปุ่ม Font คลิกปุ่มจะปรากฏ Dialog Box             ของFont ให้กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม
    3.) เมื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ เสร็จแล้ว คลิกปุ่ม OK
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การปรับคุณลักษณะของข้อความ  Microsoft office Word 2013

4.การกำหนดเอกสาร

การกำหนดขนาดเอกสาร
    โดยปกติแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้ขนาด A4 ในการทำงาน โปรแกรม Microsoft Office Word ทุกเวอร์ชั่น จึงได้ตั้งค่ากระดาษมาตรฐานในเบื้องต้นมาเป็นขนาด A4 แต่ก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนขนาดของกระดาษให้เหมาะสมกับงานเอกสารที่เราต้องการได้ โดยการกำหนดขนาดเอกสาร(Page setup)มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
    1.) คลิกที่ริบบอนเค้าโครงหน้ากระดาษ(Page Layout)คลิกที่ปุ่มขนาด (size)
    2.) คลิกเลือกขนาดกระดาษที่ต้องการกำหนดระยะขอบกระดาษที่ใช้
การกำหนดระยะขอบกระดาษที่ใช้
การกำหนดระยะขอบ(Margins)ของกระดาษที่ใช้มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพิมพ์เอกสารเนื่องจากเอกสารมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น รายงาน ตาราง บันทึกข้อมูล จดหมายราชการ และเอกสารอื่นๆ ดังนั้นก่อนที่จะพิมพ์หรือสร้างเอกสารจึงควรกำหนดระยะขอบกระดาษเสียก่อน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
    1.) คลิกที่ริบบอนเค้าโครงหน้ากระดาษ (Page Layout) แล้วคลิกปุ่มระยะขอบ (Margins)
    2.) เลือกรูปแบบของระยะขอบที่ต้องการหรือกำหนดระยะขอบด้วยตัวเองทำได้โดย
        2.1) คลิกที่ Custom Margins...
        2.2) จะได้ Dialog Box ของ Page Setup ดังรูป แล้วให้กำหนดระยะขอบตามต้องการ หลักจากนั้นให้
               คลิกปุ่ม OK จะได้หน้าเอกสารที่มีระยะขอบตามที่เราต้องการ   
          
                                         รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
การปรับกระดาษแนวตั้งและแนวนอน 
    เอกสารโดยทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นแนวตั้ง (Portrait) ดังนั้นเมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมา โปรแกรมจะกำหนดเอกสารให้เป็นแนวตั้ง วึ่งสามารถปรับเปลี่ยนหน้าเอกสารใฟ้เป็นแนวนอน (Landscape) ได้เช่นกัน โดยการปรับกระดาาแนวตั้งและแนวนอน (Portrait/Landscape) มีขั้นตอนดังนี้
    1.) คลิกที่ริบบอนเค้าโครงหน้ากระดาษ  (Portrait/Landscape) คลิกที่ปุ่มการวางแนว (Orientation)
    2.) เลือกรูปแบบของกระดาษแนวตั้งหรือแนวนอนตามต้องการ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การปรับกระดาษแนวตั้งและแนวนอน  Microsoft office Word 2013

3.การสร้าง การเปิด ปิด และบันทึกเอกสาร

การสร้าง การเปิด ปิด และบันทึกเอกสาร

การเปิดใช้งานโปรแกรม Microsoft Office Word 2013
เรียกเปิดจากระบบปฏิบัติการ windows 13
    1.) คลิกที่ปุ่ม Start
    2.) เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปที่ ALL programs
    3.) เลื่อนตัวชี้เมาส์ต่อไปที่ Microsoft office
    4.) คลิกที่ชื่อโปรแกรม Microsoft Word 2013
จากนั้นจะปรากฏหน้าจอแรกซึ่งถือเป็นหน้าจอหลักของโปรแกรม Microsoft Word              2013 ดังภาพ
การสร้างเอกสาร
        เมื่อเปิดโปรแกรม Microsoft Office Word 2010 การพิมพ์ในเอกสารจะมีหน้าเอกสารเปล่าๆมาให้ใช้งาน 1 หน้ากระดาษซึ่งโปรแกรม Microsoft Office Word จะตั้งชื่อในเบื้องต้นมาให้คือ “Document1”แต่ในขณะที่กำลังพิมพ์เอสารอื่นๆ อยู่แล้วต้องการสร้างเอกสารใหม่ ก็สารมารถสร้างได้ 2 แบบ คือ
การสร้างเอกสารเปล่า
    1.) คลิก Tab File  เลือกคำสั่ง New
    2.) คลิกเลือกเอกสารเปล่า (Blank document)
    3.) พิมพ์ข้อความลงในเอกสาร
    4.) คลิกเลือกตำแหน่งที่ต้องการพิมพ์ข้อความในเอกสารที่บริเวณเคอร์เซอร์ (Cursor คือเส้นสีดำที่กระ
         พริบบอกตำแหน่งที่จะใส่ข้อความ) พิมพ์ข้อความที่ต้องการได้ทันที
การสร้างเอกสารแม่แบบ
    1.) คลิก Tab File เลือกคำสั่ง New
    2.) คลิกเลือกเทมเพลต (Sample templates)
    3.) เลือกเทมเพลตที่ต้องการใช้งาน จากตัวอย่างเป็นรูปแบบจดหมาย
    4.) พิมพ์ข้อความตามรูปแบบที่แทเพลตกำหนดมาให้
 การบันทึกเอกสาร
เมื่อพิมพ์งานเอกสารและตกแต่งแล้วก็บันทึกข้อมูลลงในหน่วยความจำได้ดังนี้
    1.) คลิกปุ่ม Save บนแถบ Quick Access Toolbar หรือคลิก Tab File เลือกคำสั่ง Save หรือ Save As            (เลือกSave As จะเปลี่ยนชื่อเอกสารที่บันทึกได้)
    2.) จะปรากฏ Dialog Box ของ Save As ให้กำหนดรายละเอียด
    3.) ที่ช่อง Save in  เลือกตำแหน่งไดร์ฟและโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บข้อมูล
    4.) ช่อง File name พิมพ์ชื่อไฟล์ ถ้าไม่เปลี่ยนชื่อไฟล์โปรแกรมจะตั้งชื่อ Doc1 จากนั้นคลิกปุ่ม Save จะ            ได้ไฟล์นามสกุล .docx
การเปิดแฟ้มงาน
    การเปิดไฟล์งานที่บันทึกไว้แล้วขึ้นมาพิมพ์เพิ่มเติมหรือทำการแก้ไข
    1.) ดับเบิ้ลคลิก Tab File เลือกคำสั่ง Open
    2.) จะปรากฏ Dialog Box ของ Open เลือกไดร์ฟและโฟลเดอร์ที่เก็บข้อมูล
  3.) เลือกไฟล์ที่ต้องการเปิดเช่นเลือกไฟล์”การใช้งานโปรแกรมประมวลผลคำ แล้วคลิกปุ่ม Open
การปิดไฟล์ที่ใช้งาน
     เมื่อมีการเปิดใช้งานโปรแกรมหลายๆไฟล์ถ้าต้องการปิดงานบางไฟล์ที่ทำเสร็จหรือแก้ไขเสร็จแล้วให้
เลือกที่ Tab File คลิกที่ Open จะเป็นการปิดไฟล์ใช้งานอยู่หากไฟล์ที่ใช้งานยังไม่ได้มีการบันทึกมาก่อน
โปรแกรมจะถามว่าจะบันทึกข้อมูลหรือไม่

2.ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft office Word 2013

ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft office Word 2013


เลขที่
ชื่อส่วนประกอบ
หน้าที่
1
File (แฟ้ม)ศูนย์รวมคำสั่งสำหรับจัดการไฟล์ เช่น Save (บันทึก) Open (เปิด) New (สร้างไฟล์ใหม่เป็นต้น)
2
Quick Access Toolbar (แถบเครื่องมือด่วน)แถบเก็บปุ่มคำสั่งที่ใช้บ่อย ๆ โดยโปรแกรมกำหนด ค่าเริ่มต้นให้ แต่สามารถเพิมเติมได้
3
Title Bar (แถบชื่อเรื่อง)แถบแสดงชื่อและประเภทของไฟล์
4
Ribbon (ริบบอน)แถบกลุ่มคำสั่งซึ่งประกอบด้วยคำสั่งต่าง ๆ โดยจะเก็บรวบรวมคำสั่ง ไว้เป็นหมวดหมู่
5
Cursor (เคอร์เซอร์)เครื่องหมายแสดงจุดเริ่มต้นการพิมพ์เอกสาร
6
Program Windows Controls (แถบควบคุมวินโดวส์)ปุ่มจัดการหน้าต่างโปรแกรม ใช้สำหรับ ย่อ ขยาย และปิด
7
Scrollbar (แถบเลื่อน)แถบสำหรับเลื่อนหน้าจอ
8
Status Bar(แถบสถานะ)แถบแสดงข้อมูลเกี่ยวกับไฟล์ เช่น จำนวนหน้า จำนวนคำ และภาษาที่ใช้พิมพ์
9
View Shortcuts (แถบมุมมองเอกสาร)ปุ่มกำหนดมุมมองการแสดงผลของเอกสาร
10
Zoom Controls (แถบย่อ/ขยายเอกสาร)ปุ่มปรับขนาดการแสดงผลของเอกสาร  ย่อหรือขยาย คลิกรูป หรือเครื่องหมายบวก + หมายถึง ขยายเอกสาร คลิกรูป หรือเครื่องหมายลบ – หมายถึง ย่อเอกสาร

1.ประโยชน์ของโปรแกรม Microsoft Office Word 2010


ประโยชน์ของโปรแกรม Microsoft Office Word 2013
            ปัจจุบันสำนักงานทั้งภาครัฐและเอกชนมีการนำโปรแกรมประมวลผลคำมาใช้ในการพิมพ์เอกสารและรายงานต่างๆแทนเครื่องพิมพ์ดีดมากขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และราคาเครื่องคอมพิวเตอร์มีราคาถูกลงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้สำนักงานต่างๆ นิยมใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการประมวลข้อมูล ซึ่งสามารถจัดทำเอกสาร บทความ และรายงานได้อย่างรวดเร็วโดยสามารถจัดข้อความและเลือกแบบอักษร แก้ไข เพิ่มเติม ปรับปรุง แทรกข้อความ รวมข้อความหรือเอกสาร จัดขอบกระดาษและตรวจดูเอกสารก่อนที่จะพิมพ์เอกสารจริงออกมา

ด้านการจัดการเก็บเอกสาร
        เนื่องจากเป็นระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เอกสารที่จัดเก็บไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่เป็นกระดาษ แต่จัดเก็บในรูปแบบของไฟล์ข้อมูล ทำให้ข้อมูลอยู่ได้ครบถ้วนในสภาพดีและสมบูรณ์

การเรียกใช้ข้อมูล
        ข้อมูลที่จัดเก็บ จะเป็นลักษณะของไฟล์ข้อมูล ถ้าชื่อไฟล์ข้อมูลและตำแหน่งที่จัดเก็บ ก็จะสามารถหาและเปิดใช้งานได้ง่าย

การทำสำเนา
        เมื่อผู้ใช้ทำเอกสารขึ้นมาแล้วสามารถพิมพ์ (Print) ทางเครื่องพิมพ์ได้ตามจำนวนที่ต้องการและพิมพ์กี่ครั้งก็ได้โดยไม่จำกัด สามารถนำไปใช้เป็นสำเนาได้อย่างประสิทธิภาพ

การค้นหาและแก้ไขเอกสาร
เมื่อพิมพ์เอกสารแล้วสามารถค้นหาคำที่ต้องการได้ หากต้องการแก้ไขคำในเอกสารก็แก้ไขได้ทันที หรืออาจใช้เครื่องมือแก้ไขคำที่เหมือนกัน โดยแทนที่คำที่เหมือนกันด้วยคำใหม่ที่กำหนดขค้นมาได้ทันที

การจัดรูปแบบเอกสาร
        Microsoft Office Word 2010 สามารถจัดรูปแบบของเอกสารได้ทันทีตามที่ต้องการ เช่น ตั้งระยะด้านหน้า ด้านหลัง ด้านบน ด้านล่าง การจัดคอลัมน์ หรือใส่ข้อความหรือตัวเลขที่หัวกระดาษและท้ายกระดาษของแต่ละหน้าโดยอัตโนมัติ

การใช้รูปแบบที่จัดไว้แล้ว 
        Microsoft Office Word 2010 สามารถใช้การจัดรูปแบบของเอกสารที่มีไว้ให้ เพื่อช่วยให้การสร้างเอกสารเกิดความสะดวกเป็นมาตรฐานโดยใช้แม่แบบสำเร็จรูปในการสร้างเอกสาร เช่น หัวกระดาษ ท้ายกระดาษ เป็นต้น วึ่งหลังจากใช้รูปแบบแล้วผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเป็นแบบที่ตนเองต้องการก็ได้ทั้งนี้ผู้ใช้ก็สร้างเองได้ด้วย เช่น รายงานการประชุม

การตรวจสอบคำผิดลักษณะใหม่ 
        เครื่องมือในการตรวจสอบการสะกด มรการปรับปรุงให้มีความสอดคล้องกันมากขึ้น ซึ่งช่วยให้มีการแก้ไขและแทนที่คำผิดด้วยคำที่ใกล้เคียงหรือถูกต้องโดยอัตโนมัติ หลีกเลี่ยงคำที่ไม่สุภาพวึ่งเป็นพจนุกรมแยกคำ จึงช่วยให้การตรวจตัวสะกดมีความละเอียดมากขึ้น

การใช้เอกสารร่วมกัน
        เมื่อส่งแบบร่างของเอกสารเพื่อให้ป้อนข้อมูล Microsoft Office Word 2010 จะช่วยรวบรวมและจัดการตรวจสอบข้อคิดเห็นของผู้ร่วมงานเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพร้อมที่จะประกาศเอกสารผ่าน Micro-
Office Word 2010 ทำให้มั่นใจว่าการตรวจทานแก้ไขและคำแนะนำที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขนั้นไม่ได้ซ่อนอยู่ในเอกสารที่ประกาศ

นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกเอกสารต่างๆ
และเรียกใช้งานแฟ้มข้อมูลที่ได้เก็บบันทึกไว้ขึ้นมาใช้งานในภายในภายหลัง ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
        1.) ช่วยให้งานเอกสารสะดวกขึ้น เช่น การเพิ่ม ลบ แทรกข้อความ การทำสำเนา เป็นต้น
        2.) ช่วยให้การค้นหาเอกสารและจัดเก็บเอกสารง่ายขึ้น
        3.) ช่วยลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน เช่น ทำจดหมายเวียน
        4.) ช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เอกสาร
        5.) ช่วยสร้างเอกสารให้มีความสสวยงาม เนื่องจากเพิ่มกราฟิก รูปวาด รุปภาพ ตามที่ต้องการได้
        6.) ลดความผิดพลาดของงานเอกสาร เนื่องจากลบหรือเพิ่มโดยตรวจสอบความถูกต้องทางหน้าจอก่อนพิมพ์ทางเครื่องพิมพ์หรืออาจใช้ระบบตรวจคำผิดอัตโนมัติ จึงช่วยให้เอกสารสมบูรณ์
        7.) สามารถค้นหาแบะเรียกใข้ข้อมูลได้ง่าย
Dowload Microsoft Office Word 2010 ได้ที่ https://microsoft-word-2010.th.softonic.com/